วันจันทร์ที่ 25 มิถุนายน พ.ศ. 2555

TREND 2012 โดย TCDC




ในบทนี้ผมมีข้อมูลที่ดีของทาง TCDC มานำเสนอและแนะนำครับ ซึ่งข้อมูลที่ว่านั้นก็คือ เจาะเทรนด์โลก 2012 โดย TCDC ครับ. ผมอาจมานำเสนอช้าไปหน่อยแต่ก็ยังไม่สายเกินไปนะครับ โดยเนื้อหาส่วนใหญ่ก็จะพูดหรือบอกถึงกระแสหรือแนวโน้มต่างๆ เช่น แฟชั่น วัสดุ เทคโนโลยี สี พื้นที่และการใช้ชีวิต.. ซึ่งในเนื้อหาจะแบ่งออกมาเป็น 5 KEY TREND หลักๆดังนี้
1.ความธรรมดานิยามใหม่
2.คิดบวก
3.ธรรมชาติ
4.ความคิดสร้างสรรค์
5.วัฒนธรรมพื้นถิ่น

ซึ่งข้อมูลทั้งหมดนี้ต้องบอกก่อนเลยนะครับว่า  "ไม่ฟรี " โดยจะมีค่าใช้จ่ายประมาณ 30 บาท (ผมโหลดมาเรียบร้อยแล้ว)
ต้องขอบอกเลยว่าข้อมูลต่างๆนั้นคุ้มค่าเกิน 30 บ. ครับ  สำหรับคนที่ทำงานทางด้านออกแบบ  นักการตลาด 
นักพัฒนาผลิตภัณฑ์หรือผู้ประกอบการที่ต้องการทันกระแสแล้ว..ไปโหลดเถอะครับคุ้ม!!
 
(ลิงค์สำหรับดาว์นโหลดข้อมูล)  


ผมขอเพิ่มเติมคำว่า "TREND" ในความเข้าใจของผมเองนะครับว่า.. คือแนวโน้มหรือกระแสนิยมของสังคม ฌ ช่วงเวลา
ใดเวลาหนึ่งซึ่งกินระยะเวลานานกว่าคำว่าแฟชั่น โดยเทรนด์นั้นจะถูกกลุ่มนักออกแบบหรือองค์กรหรือสถาบันที่เชื่อถือได้.
มาทำการรวบรวมว่าแนวโน้มจะเป็นอย่างไรโดยใช้ข้อมูลจาก
อุตสหกรรมต่างๆมาประเมิณเช่น อุตสหกรรแฟชั่น,เฟอร์นิเจอร์ หรืิอ อุตสหกรรมที่เกี่ยวกับทางด้านงานออกแบบแล้วทำวิเคราะห์แล้วสรุปข้อมูลต่างๆมาให้เราๆท่านๆได้ใช้ข้อมูลกันเหล่านั้นกัน ซึ่งจะเกิดขึ้นจริงหรือไม่จริงก็อยู่ที่การนำไปใช้ของมนุษย์นั้นเอง หรือตัวแปรที่ควบคุมไม่ได้เช่น ภัยธรรมชาติหรือสงคราม.  แต่ส่วนใหญ่แล้วเกิดขึ้นจริง..

วันศุกร์ที่ 9 ธันวาคม พ.ศ. 2554

ร้านขายลูกกวาด (The Candy Room)


The Candy Room  (ร้านขายลูกกวาด) 

by Red Design Group  

วันนี้มีรูปร้านขายลูกกวาดที่มีเอกลักษณ์ความเรียบง่ายจนกลายเป็นความโดดเด่น ที่เรียกร้องและดึงดูดความน่าสนใจเป็นอย่างมากทั้ง  ตัวสินค้าที่แสดงความโดดเด่นออกมาอย่างเห็นได้ชัดเจน บนพื้นที่เป็นระนาบสีขาวตัดกับเส้นสายสีดำที่เป็นอารมณ์ของลายการ์ตูนที่มันสอดคล้องกับตัวสินค้าที่เป็นขนม (ลูกกวาด) หรือความเป็นเด็ก ได้เป็นอย่างดี

 

 บรรยากาศภายในร้านโดดเด่นด้วยตัวสินค้า  การสัญจรภายในร้านเดินเป็นวงกลมทำให้เห็นสินค้าได้ครบถ้วน  ตรงกลางร้านมีเกาะกลางสำหรับวางสินค้า  ผนังด้านข้างเป็นชั้นวางสินค้าโดยรอบ



จุด WINDOW DISPLAY หน้าร้าน



ซึ่งต้องยกเครดิตนี้ให้กับผู้ออกแบบร้านเท่ห์ๆนี้ว่าสุดยอดมากครับ

ที่มาของรูป  http://www.facebook.com/ideathai

http://www.facebook.com/media/set/?set=a.285599334815168.62511.117111164997320&type=1






วันอังคารที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2554

IKEA Mega Bangna

 IKEA ประเทศไทย
http://www.ikea.com/th/th/
 สวัสดีครับ.สถานการณ์ช่วงนี้แย่เลยนะครับ เจอปัญหาน้ำท่วมกันไปเต็มๆเลย..แต่น้ำท่วมยังไงก็ยังมีโครงการใหญ่ๆแบรนด์ดังระดับโลกสัญชาติสวีเดนเปิดตัวในประเทศเราเป็นครั้งแรกแถวย่านบางนาครับ.นั้นก็คือ IKEA (อีเกีย) ที่บางนาครับ.ซึ่งค้าขายเกี่ยวกับ สินค้าตกแต่งบ้าน ที่ค่อนข้างครบวงจร รวมถึงสินค้า DIY ที่สะท้อนตัวตนของคุณได้มากที่สุด. วันนี้ผมจะพาไปดูการจัด VISUAL MERCHANDISE และ DISPLAY สวยๆกัน

     
รูปแบบตัวอาคารภายนอกครับ.ที่ดูเรียบง่ายมาพร้อมกับโลโก้ IKEA สีเหลือง เห็นเด่นแต่ไกล



ก่อนเข้าช็อปกันก็ต้องมีอุปกรณ์ครับ.สายวัด  ดินสอ  โบว์ช้วร์สำหรับจดรายการที่จะซื้อครับเพราะเราจะต้องไปหยิบหาเอาที่สต็อกของเค้าครับ 
อีกทั้งกระเป๋าสะพายสีเหลืองหนังสือรายการสินค้าซึ่งเราต้องคืนตอนออกครับ. (การช็อปที่นี้ค่อนข้างจะต้องบริการตัวเองครับ)




ที่นี้เรามาดู MODEL ROOM ของเค้ากันเลยครับ

                                                           ห้องนั่งเล่นและรับแขก


                                                                  ห้องอาหาร+ครัว


                                                                           ห้องทำงาน



ห้องนอน


VISUAL MERCHANDISE & DISPLAY


จุด MOBILE  DISPLAY สามารถเคลื่อนย้ายได้ทั้งชุดครับ



จุด DISPLAY สินค้า PROMOTION





จุดให้บริการลูกค้าครับ




สินค้า DIY.ครับ สำหรับผู้ที่ชอบตกแต่งหรือชอบออกแบบ FURNITURE เองเช่น หน้าบานตู้ โต๊ะทำงาน ชั้นวาง  รางม่านต่างๆมีให้เลือกหลากหลาย ที่นี้ตอบโจทย์ให้คุณได้ตามสไตยล์ของคุณเอง..



ส่วนนี้เป็นไฟ LED ครับเอาไว้ให้แสงสว่างกับตู้โชว์ต่างๆ ซ่อนตามขอบชั้นวาง หรือเพดานตู้เพิ่มความสวยงามอีกทั้งยังปรับสีได้อีก..มีลูกเล่นครับขอบอก

จากที่ผ่านมาทั้งหมดเมื่อเราชอบสินค้าชิ้นไหนก็ให้จดรายละเอียดที่อยู่ของสินค้าชิ้นนั้น  ซึ่งจะมีรายละเอียดป้าย.ติดอยู่ที่ตัวสินค้า และเราก็ให้เราไปหยิบที่สต็อกของเค้าครับ(ตามรูปด้านล่าง) ..แต่ถ้าสินค้าชิ้นเล็กเค้าก็วางสต็อกสินค้าให้เราเลือกซื้อ ณ จุดนั้นเลย

     ส่วนของสต็อกสินค้า  เราสามารถหยิบสินค้าตามหมายเลขที่เราจดไว้ได้เลยครับ.ตามอัธยาศัย


เมื่อได้สินค้าที่ต้องการแล้วก็ไปจ่ายสตางค์ครับ. แล้วก็ต้องคืนถุง และแคตตาล็อคครับ ถ้าไม่เตรียมถุงมาเองก็ต้องซื้อถุงเค้าไปครับ.แต่ถ้าคิดจะซื้อสินค้าชิ้นใหญ่ผมคิดว่าควรนำรถมาขนไปเองจะดีกว่าครับ. แต่ถ้าไม่มีรถเค้ามีบริการส่งของให้ครับแต่คิดค่าใช้จ่ายนะครับ..


ก่อนจะกลับก็แวะหาอะไรอร่อยๆกินกันหน่อย...


สรุป ด้วยรูปแบบการจัด DISPLAY & VMD. ของเค้าค่อนข้างดึงดูดความสนใจได้ดีครับ โดยเฉพาะในส่วนของ MODEL ROOM ซึ่งจำลองบรรยากาศห้องต่างๆได้ดีครับ ช่วยให้อยากที่จะซื้อ เฟอร์นิเจอร์ กลับไปตกแต่งที่บ้านเราสักชิ้นหรือมากกว่า ในส่วนของเส้นทางการเดินสัญจรเลือกซื้อสินค้าทำได้ดีเดินได้ครบทุกแผนก+เพลินอีกต่างหาก ส่วนราคาก็มีทั้งถูกและแพงตามแต่กำลังซื้อครับ. สรุปแล้วไม่ผิดหวังครับ ถึงแม้จะไกลไปหน่อยแต่ถ้าคนมีใจรักที่จะตกแต่งบ้านหลังน้ำท่วมแล้ว  ผมว่าแวะมาที่นี้คุ้มค่าเหนื่อยครับ...
 

วันอาทิตย์ที่ 9 ตุลาคม พ.ศ. 2554

เทรนด์การตกแต่งร้านค้าปลีก (Retail environments) จากวัสดุ 5 ประเภท



บทความนี้อยู่ในหมวด “วัสดุล้ำยุค” โดย Material ConneXion® Bangkok
เทคโนโลยีและวัสดุใหม่ๆ สามารถยกระดับสภาพแวดล้อมของร้านค้าปลีก และดัดแปลงให้เข้ากับผู้บริโภคได้
วัสดุที่ถูกกล่าวถึงในบทความนี้ (รูปจากมุมบนซ้ายวนไปตามเข็มนาฬิกา ในแต่ละหมวดตัวเลข)
  1. วัสดุที่เปลี่ยนแปลงได้เมื่อโดนแสง (Materials altered by light): woven light color changing textiles (สิ่งทอที่เปลี่ยนแปลงสีได้ตามแสง) (Kathy Schicker); energlo (Energlo); Curtisium® Acrylglase (NighTec® GmvH &Co.KG); Scintilla (Sensitile Systems)
  2. วัสดุที่เป็นตัวนำกระแสไฟฟ้า (Conductivity): 3D display cube (James Clar & Associates); IMPAtouch (Irlbacher Vlickpunkt Glas GmbH); BrillionTM Conductive Ink Technology; Navi Floor® (Future-Shape GmbH)
  3. วัสดุที่ตอบสนองได้ (Responsive Materials): Sugru® (FormFormForm Limited); FelibendyTM (Kuraray Kuraflex Co.,Ltd.); Morphogenese (Morphogenese); Sensacell (Sensacell)
  4. วัสดุเลียนแบบธรรมชาติ (Biomimicry): OCTAMOLD (Octamold Technologies); SharkletTM SafeTouch (Sharklet Technologies, Inc.); SkinBag (SkinBag); Salmon Leather wall Tiles (กระเบื้องติดผนังทำจากหนังปลาแซลมอน) (ES Salmon Leather LTDA)
  5. การสื่อข้อมูลโดยใช้การเล่นระดับ (Layered Information): Alaris, Eden & Connex (Objet Geomatries GmbH); think4D® (think4DTM); zp130 DesignMate CX (KISTERS AG)

(เข้าไปอ่านเต็มๆได้ที่ ลิงค์ด้านล่างเลยครับ)

วันเสาร์ที่ 8 ตุลาคม พ.ศ. 2554

วัสดุตกแต่ง (MATERIALS)

วันนี้ผมได้รวบรวมวัสดุต่างๆที่พบบ่อยในงานตกแต่งต่างๆทั้งงานก่อสร้างและตกแต่งภายใน..เผื่ออาจจะเป็นข้อมูลเอาไว้ใช้ในงานออกแบบกันนะครับ..โอเคเราไปดูกันเลย





Posted by Picasa

คอนกรีตบล็อก
เป็นวัสดุก่อสร้างประเภทวัสดุก่อ สำหรับการก่อสร้างผนังอาคารทั่วไป ผลิตจากส่วนผสมของซีเมนต์ ทราย หินย่อย และน้ำคอนกรีตบล็อกจะถูกผลิตในลักษณะอุตสาหกรรมมากกว่าอิฐมอญส่วนใหญ่จะมีลักษณะกลวงเป็นที่นิยมใช้มากเนื่องจากมีราคาถูก หาซื้อได้ง่าย และไม่มีปัญหาในขั้นตอนการก่อสร้างเนื่องจากช่างมีความเคยชินในการทำงานอยู่แล้ว อีกทั้งยังสามารถทำงานได้เร็วเพราะมีขนาดก้อนใหญ่กว่าอิฐมอญ และจากลักษณะที่มีรูกลวงตรงกลางทำให้ช่องอากาศภายในนั้นเป็นฉนวนในการกันความร้อนที่ดีแต่ข้อเสียคือจะเปราะและแตกง่าย การตอกตะปูยึดพุกต้องทำที่ปูนก่อหรือเสาเอ็นคานเอ็นน้ำจะซึมได้ดีกว่าอิฐมอญ และบล็อกที่ขายกันทั่วไปคุณภาพต่ำขนาดของคอนกรีตบล็อกมาตรฐาน0.07 x 0.19 x 0.39 ม.0.09 x 0.19 x 0.39 ม.0.14 x 0.19 x 0.39 ม.
หมายเหตุ: คอนกรีตบล็อก มักเรียกกันด้วยภาษาตลาดโดยทั่วไปว่า อิฐบล็อกคอนกรีตบล็อก
1 ตารางเมตรจะใช้ 12.5 ก้อน



Posted by Picasa

อิฐมอญ
เป็นวัสดุที่ผลิตมาจากการนำดินเหนียวมาเผาเพื่อให้ได้วัสดุที่คงรูปและมีความแข็งแรง  การใช้อิฐมอญในระบบก่อสร้างมีมาหลายสิบปี   จึงเป็นวัสดุที่เป็นที่รู้จักและมีการใช้กันอย่างแพร่หลายในประเทศไทย   เนื่องจากความเชื่อมั่นในความคงทน และผลิตได้เองในประเทศจากแรงงานท้องถิ่น  คุณสมบัติของอิฐมอญจะยอมให้ความร้อนถ่ายเทเข้า-ออกได้ง่าย และเก็บความร้อนไว้ในตัวเองเป็นเวลานาน  และเนื่องจากอิฐมอญมีความจุความร้อนสูงทำให้สามารถกักเก็บความร้อนไว้ในเนื้อวัสดุได้มากก่อนที่จะค่อยๆถ่ายเทสู่ภายนอก  จึงเหมาะกับการใช้กับบริเวณที่ใช้งานเฉพาะช่วงกลางวัน
- อิฐมอญกล่อง/รู (2 รู) ขนาด 6 X 6 X 15
- อิฐมอญมือ(เครื่อง) ขนาด 4.20 X 6 X 15
- อิฐมอญตัน ขนาด 3 X 6 X 15
- อิฐมอญรู ขนาด 3 X 6 X 15








คอนกรีตมวลเบา
คอนกรีตมวลเบาเป็นวัสดุก่อที่มีการนำมาใช้ และเป็นที่นิยมมากขึ้นในปัจจุบัน เนื่องจากมีคุณสมบัติในการป้องกันความร้อนได้มากกว่าวัสดุก่ออื่นที่มีมา โดยตัววัสดุเองมีส่วนผสมมาจาก ทราย ซีเมนต์ ปูนขาว น้ำ ยิปซั่ม และผงอลูมิเนียมผสมรวมกันแต่ส่วนที่สำคัญที่สุดก็คือฟองอากาศเล็กๆเป็นรูพรุนไม่ต่อเนื่อง( Disconnecting Voids) ที่อยู่ในเนื้อวัสดุมากประมาณ 75% ทำให้น้ำหนักเบา ซึ่งผลของความเบาจะช่วยให้ประหยัดโครงสร้าง อีกทั้งฟองอากาศเหล่านั้นยังเป็นฉนวนกันความร้อนที่ดี
* ขนาด 20x60x7cm.
* ขนาด 20x60x7.5cm.







ไม้อัด 

ไม้อัด เกิดจากการรวมไม้หลาย ๆ ชนิดเข้าด้วยกันหรือทำจากไม้ชนิดเดียวกัน โดยการตัดท่อนซุงให้มีความยาวตามที่ต้องการ แล้วกลึงปอกท่อนซุง หรือฝานให้ได้แผ่นไม้เป็นแผ่นบาง ๆ มีความหนาตั้งแต่ 1 ถึง 4 มิลลิเมตร แล้วนำมาอัดติดกันโดยใช้กาวเป็นตัวประสานโดยให้แต่ละแผ่นมีแนวเสี้ยน ตั้งฉากกัน แผ่นไม้จะถูกอบแห้งในเตาอบ ไม้อัดมีขนาด
กว้าง 4 ฟุต ยาว 8 ฟุต (1.20X 2.40ม.)  หนา 4,6,8,10,15 และ 20 มิลลิเมตร

คุณสมบัติ
มีความแข็งแรงทนทานสูง มีความคงตัวไม่ยืดหด และแตกง่าย
สามารถตอกตะปูหรือใช้ตะปูควงขันใกล้ขอบแผ่น หรือทุกส่วนได้รอบด้าน
สามารถตัด เลื่อย และฉลุได้ง่าย ไม่แตกหัก สามารถโค้งงอได้โดยไม่ฉีกหัก
เป็นฉนวนกันความร้อนได้ดี
สามารถรับน้ำหนักได้ในอัตราที่สูงกว่าไม้ธรรมดา

ประโยชน์ใช้สอย
ใช้เป็นโครงหล่อเสาคอนกรีตในการก่อสร้าง
เป็นส่วนประกอบของเฟอร์นิเจอร์
โครงสร้างกล่องไม้
สำหรับรองพื้นที่นอนหรือเตียง 







ไม้จ๊อย 
คือ การนำไม้จริง มาผ่านกระบวนการผลิตเพื่อเพิ่มความยาวให้กับไม้ธรรมชาติ ไม้จ๊อยทำโดยการนำไม้จริงมาต่อกันโดยวิธีเข้าเดือยยึดด้วยกาวมีขนาดประมาณ 1" x 2" นิ้ว ซึ่งราคาจะต่างกันตามชนิดของไม้ที่ใช้มีทั้งยางพาราเบญจพรรณ ฯลฯวิธีการผลิตไม้จ๊อย คือ การนำไม้ที่จะทำนั้นมาตีร่องทำเป็นฟันปลาทั้งสองด้านแล้วนำมาเชื่อมต่อประสานให้แข็งแรงด้วยกาวลาเท็กซ์อย่างดีที่ทรงคุณภาพ โดยขนาดที่ขายอยู่ตามท้องตลาดนั้นจะมีขนาด 1"x1.5"x2.5 m , 1"x2"x2.5 m ฯลฯ 1 มัดมี 10 ตัว 
เฟอร์นิเจอร์ ที่ใช้ขึ้นโครงไม้จ๊อยท์ จะได้เรื่องความทนทาน มากกว่า MDF,PB
ความแข็งแรง อยู่ที่การออกแบบ, ฝีมือ, อุปกรณ์ครับ
ไม้จ๊อย แบ่งเป็น 2 ประเภท
1.ฟิงเกอร์จ๊อย ไม้ชนิดนี้จะเห็นเป็นฟันปลาระหว่างรอยต่อทางด้าน
หน้ากว้างของไม้เป็นที่หาซื้อได้สะดวกตามร้านทั่วไป เป็นที่นิยมของช่างทั่วไป

2.บัทท์จ๊อย ไม้ชนิดนี้จะเห็นฟันปลาด้านสันขอบความหนาของไม้
จะค่อนข้างหายากเพราะวิธีการผลิตยากกว่า คนไม่นิยมใช้









MDF ( Medium Density Fiberboard )

เป็นไม้อัดที่ทำมาจาก ฝุ่นไม้ที่บดจนละเอียดผสมกาวแล้วอัดออกมาเป็นแผ่น ไม้แบบนี้นิยมนำมาใช้เป็นโครงสร้างส่วนที่ต้องการความแข็งแรง  เพราะมีความหนาแน่นสูงกว่า Particle Board หรือจะใช้ในส่วนที่รับแรงเช่นหน้าโต๊ะ นิยมปิดผิวด้วยวัสดุปิดผิว และการทำสีทาหรือพ่นเคลือบ ส่วนใหญ่จะปิดผิวเสียมากกว่าเพราะการพ่นหรือทาสี
จะยุ่งยากมากกว่ามาก แต่จะทำสีจริงๆก็ทำได้และการทำสีก็มีหลายรูปแบบหลายราคาเช่นกันตั้งแต่ สีด้านธรรมดา / พ่นสี Hi-Gross   มันเป็นสีที่ใช้ทำรถยนต์มีความมันและสวยงามมากกว่าแต่ฝีมือช่างต้องดีด้วยนะครับ
และมีต้นทุนสูง  ( แต่ถ้าออกมาดีก็สวยครับ มัน เงา เรียบ แน่น )  
ขนาด 1.20 X 2.40 ม.มีความหนา 3, 6,10,15 มม.








 Particle Board

คือแผ่นไม้ที่ผลิต จาก การนำไม้ตามธรรมชาติมาบดย่อย เป็นชิ้นขนาดเล็กๆและนำมาอัดเข้ารูปเป็นแผ่นด้วยความร้อน กาวพิเศษ และแรงอัด พร้อมการผ่านกระบวนการทางเคมี เพื่อให้สามารถป้องกันความชื้นและปลวกโดยจะผลิตเป็นแผ่นสำเร็จรูปขนาด 1.20 x 2.40 ม. และ ขนาด 1.80 x 2.40 ม. และมีขนาดความหนาต่างๆกัน เช่น ขนาดหนา 3 มม. , 9 มม.,16 มม., 19 มม., เป็นต้น
โดยแผ่นที่ผลิตได้ยังเป็นแผ่นเปลือย ที่จะต้องนำไปปิดผิว ภายนอกก่อนนำไปผลิตเป็นเฟอร์นิเจอร์ ต่อ ..ปกติ Particle Board จะไม่มีสีและลายเหมือนธรรมชาติแต่เพื่อความสวยงามจึงนำลวดลายมาปิดผิวกันอีกครั้งหนึ่ง
และที่นิยมกันก็คือ

1.1 กระดาษ : หรือจะเรียกกันให้สวยๆก็เรียกกันว่าฟอยล์ ที่มีลวดลายต่างๆหรือลายไม้ ข้อเสียคือ แต่ถ้าโดนอะไรกระแทกแรงๆก็ฉีกขาดครับ

1.2 พลาสติกหรือพีวีซี  : ข้อดีคือทนการขีดข่วนและกันน้ำได้ แต่สีและความสวยงามจะสู้ฟอยล์ไม่ได้

1.3 เมลามีน : ซึ่งคือวัสดุชนิดหนึ่งที่คล้ายคลึงกับพลาสติกแต่มีความสามารถในการทนทานต่อความร้อน
และรอยขูดขีด

1.4 ACOUSTICAL PARTICLE BOARD สำหรับใช้เป็นเพดานหรือผนังซึ่งทำการปรุรูหรือเซาะร่อง
เป็นแบบต่าง ๆเพื่อลดการสะท้อนเสียงในห้อง  







ลามิเนต LAMINATE

วัสดุปิดผิวชนิดนี้ จะคล้ายกับฟอร์ไมก้า (นึกถึงโต๊ะหน้าขาว ขาพับได้) จะเป็นแผ่นเหมือนไม้อัดบางๆปิดทับอีกที นิยมใช้กันมากกับงานบิวท์อิน..
ลามิเนตมีส่วนประกอบ 2 ส่วน คือ กระดาษและเรซิ่น
 1. กระดาษ ประกอบด้วย
1.1 กระดาษ Decor Paper เป็นกระดาษที่กำหนดสีสันลวดลายต่างๆ บนแผ่นลามิเนต
1.2 กระดาษ Craft Paper เป็นกระดาษสีน้ำตาลมีไว้เพื่อเพิ่มความหนาของแผ่นลามิเนต อยากได้หนาขนาดไหนก็เพิ่มกระดาษตรงชั้นนี้ล่ะ
โดย ส่วนใหญ่กระดาษที่ในมาใช้ในการผลิตนำเข้ามาจากเมืองหนาวโซนยุโรป เค้ามีเหตุผลนะจ๊ะไม่ใช่ว่าไม่อุดหนุนสินค้าไทย แต่เป็นเพราะกระดาษจากเมืองหนาวมีความเหนียวแข็งแรงกว่ากระดาษเมืองร้อนล่ะ
2. เรซิ่น ประกอบด้วย
2.1 Melamine Resin ใช้เคลือบกระดาษ Decor เพื่อให้เกิดความแข็งแรง ทนทานกันรอยขีดข่วน
2.2 Phenolic Resin ใช้อาบกระดาษ Craft Paper ให้รวมตัวเป็นหนึ่งชิ้นงาน..
 ส่วนราคามีทั้งถูกและแพง มีหลายสีให้เลือกมากมายหลายร้อยแบบและมีลายแปลกให้เลือกทั้งลายเรโทร โมเดริ์น  ทนต่อน้ำและรอยขีดข่วนได้ดี แต่มีข้อเสียคือ เปราะและมักจะร่อนเป็นแผ่นๆ มีหลายๆเกรดเช่นเดียวกัน


  วีเนียร์  VENEER
เป็นแผ่นไม้ฝานบางๆ จนถึงบางมากๆ แปะทับลงบนชิ้นงาน ให้ลายไม้เหมือนจริง เพราะทำมาจากไม้จริง มีให้เลือกหลายลาย   แต่ข้อเสียมีเยอะมากไม่ทนต่อรอยขีดข่วน ไม่ทนน้ำมากนัก เปราะหักได้ง่ายตรงขอบ/มุม








พลาสวูด plastwood

เป็นแผ่นพีวีซีชนิดแข็งที่ผลิตขึ้นเพื่อใช้ทดแทนไม้ มีขนาด 1.20 X2.40 ม. ความหนาตั้งแต่ 2-25 มิลลิเมตร   
     
  คุณสมบัติ
  มีลักษณะเบา มีความหนาแน่นประมาณ 0.55-0.65 g/cm3    มีความคงทนต่อสภาพดินฟ้าอากาศได้ดี มีความคงทนต่อการผุกร่อนและไม่ดูดซับความชื้น จึงไม่บวมหรือพองเมื่อแช่น้ำ
  หมดปัญหาเรื่อง ปลวก มอด แมลงปีกแข็ง หรือ เชื้อราที่จะมากัดกินทำให้ผุเปื่อยมีความคงทนต่อสารเคมี กรดแก่ เบสแก่ มีคุณสมบัติเป็นฉนวนกันความร้อนและเสียง สามารถป้องกันเสียงสะท้อนได้
  สามารถพิมพ์สี หรือ พ่นสีลงบนแผ่นได้อย่างสะดวก โดยใช้สีประเภทอะครีลิกหรือสีอีพอกซี่ ถ้าเป็นงาน Silkscreen ให้ใช้สีพีวีซีโดยตรง ไม่เป็นเชื้อไฟ เนื่องจากในเนื้อ PVC ประกอบด้วยธาตุคลอรีน จึงทำให้มีคุณสมบัติดับไฟเองได้
  สามารถใช้เครื่องมือช่างทุกชนิดกับผลิตภัณฑ์นี้ได้ เช่น ค้อน เลื่อยลันดา เลื่อยวงเดือน Jigsaw เครื่อง Router กบไสไม้ เป็นต้น ซึ่งสามารถตัดได้ ตอกตะปูได้ไม่แตก ขนสกรูได้ เป็นต้น
  การนำไปใช้งาน
  ทำป้ายสัญลักษณ์และป้ายโฆษณาต่างๆ เหมาะสำหรับทั้งภายในและภายนอก
  เฟอร์นิเจอร์ทุกชนิด  ผนังกั้นห้อง ฝ้าเพดานและพื้น  สามารถนำไปใช้ตกแต่งภายในบ้าน อาคาร หรือ ร้านแสดงสินค้าในงานต่างๆ







วีว่าบอร์ด  VIVABOARD
วีว่า บอร์ด คือแผ่นไม้อัดซีเมนต์อเนกประสงค์ (Wood Cement Board) ผลิตโดยการนำไม้สกัดย่อย ซีเมนต์ ปอร์ตแลนด์ และสารเคมีที่ไม่เป็นอันตรายต่อสุขภาพมาผสมกัน
ส่วนผสมดังกล่าวจะถูกนำไปโปรยบนแบบเหล็กด้วยกรรมวิธีพิเศษ แบบเหล็กพร้อมส่วนผสมจะถูกนำไปซ้อนทับและอัดด้วยแรงกดสูง และกดไว้ใต้แรงดันจนกว่าซีเมนต์จะแข็งตัว
หลังจากถอดแบบแล้ว แผ่นจะถูกเก็บรักษาไว้จนได้ความแข็งแรง และนำไปผ่านการอบลดความชื้น และนำไปตัดให้ได้ขนาดมาตรฐาน   แผ่นไม้อัดซีเมนต์อเนกประสงค์ วีว่า บอร์ด นำคุณสมบัติเด่นของส่วนผสมหลักสองชนิด คือ ไม้และซีเมนต์ มารวมไว้ด้วยกัน การใช้งาน  :  ผนังภายนอก  ผนังภายใน  ผนังโชว์ผิว  ผนังปิดอาคาร ผนังตี  ซ้อนเกล็ด  ผนังเปียก ฝ้าเพดาน  แผ่นรองใต้หลังคา พื้นลอย

คุณสมบัติ 
 แข็งแรงทนทาน  วีว่า บอร์ด นำความความยืดหยุ่นของไม้ มาผสมกับความแกร่งของซีเมนต์ คงทนต่อทุกสภาวะอากาศวีว่า บอร์ด ทนฝน ทนแดดและความร้อน
 สามารถใช้งานภายนอกได้นับสิบ ๆ ปี โดยไม่บวม ผุกร่อน หรือย่อยสลายปลอดภัยจากแมลงศัตรูไม้ และไม่เกิดเชื้อรามอดปลวกไม่สามารถทำอันตราย วีว่า บอร์ด
 ได้ เพราะผ่านการอัดด้วยแรงกดสูง ส่วนผสมที่ เป็นไม้จึงถูกครอบคลุมและผสมผสานเป็นเนื้อเดียวกับซีเมนต์ นอกจากนั้นเชื้อรายังไม่สามารถเติบโตบนแผ่นวีว่าบอร์ด ได้ เนื่องจากมีสภาวะที่เป็นด่าง ป้องกันไฟ
ความหนา : 8,10,12,16,20 และ 24 มม.
ขนาดมาตรฐาน : 1.20ม. x 2.40 ม.
ขนาดพิเศษ : 1220 มม. x 2440 มม. 








ยิปซั่มบอร์ด  (Gypsum Board)

เป็นวัสดุแผ่นเรียบที่ผลิตขึ้นจากแร่ยิปซั่มซึ่งเผาไฟไม่ติด   มาประกอบเป็นแกนกลางของแผ่น   ยึดประกบด้วยกระดาษเหนียวชนิดพิเศษทั้ง 2 ด้าน   มีคุณสมบัติในการป้องกันความร้อน  และเสียง   นอกจากนี้แผ่นยิปซั่มยังไม่เป็นพิษและอันตรายต่อสุขภาพ  อีกทั้งการติดตั้งก็ง่าย  สะดวก  รวดเร็วไม่เลอะเทอะ   กรณีใช้เป็นผนังอาคารจะช่วยประหยัดโครงสร้างอาคาร
เนื่องจากมีน้ำหนักเบากว่าผนังก่ออิฐฉาบปูนถึง 5 เท่า   ทั้งนี้ขึ้นกับการออกแบบระบบผนังด้วย   ซึ่งในปัจจุบันมีการพัฒนาให้มีคุณสมบัติและรูปแบบที่หลากหลายมากขึ้น  เพื่อความเหมาะสมในการใช้งานโดยจะมีตั้งแต่ชนิดธรรมดา   ชนิดกันความร้อน ชนิดทนไฟ  ชนิดทนความชื้น  เป็นต้น
โดยชนิดที่มีคุณสมบัติในการป้องกันความร้อนได้ดีเช่น  ชนิดอลูมินั่มฟอยล์   ซึ่งเป็นการนำแผ่นยิปซั่มมาบุด้วยอลูมินั่มฟอยล์ด้านหลังของแผ่น สามารถสะท้อนรังสีความร้อนได้ถึง 95%  การนำความร้อนก็จะต่ำกว่าชนิดอื่น เหมาะสำหรับการทำฝ้าเพดานและ  ผนังบริเวณที่ต้องการป้องกันความร้อนเป็นพิเศษ ช่วยควบคุมอุณหภูมิภายในห้องให้คงที่เหมาะสำหรับห้องที่ต้องการควบคุมอุณหภูมิ ให้คงที่สม่ำเสมอ หรือเพื่อลดขนาดการใช้เครื่องปรับอากาศ
ยิปซั่มบอร์ด
ความหนา : 6,9,12,15 มม.
ขนาดมาตรฐาน : 1.20ม. x 2.40 ม.






กระจก (glass)

กระจก  : เป็นวัสดุที่ใช้ตกแต่งภายในอาคารเพื่อความสวยงามและเพิ่มความสว่างไสวให้กับอาคารบ้านเรือนใช้กับ อุตสาหกรรม ยานยนต์และมีการใช้งานทั่ว ๆ ไป  อย่างกว้างขวางวัตถุดิบที่ใช้ในการผลิตกระจกประมาณ 80% ได้มาจากแหล่งผลิต ในประเทศได้แก่ ทรายแก้ว (silica sand) หินฟันม้า หินโดโลไมต์ (dolomite)
เศษกระจก(cullets)และวัตถุดิบที่นำเข้าจาก ต่างประเทศ ได้แก่โซดาแอช ผงคาร์บอน ผงเหล็ก โซเดียมซัลเฟต 
กระจกแบ่งออกเป็น 2 ชนิดใหญ่ๆคือ

 1.  กระจกโฟลต (float glass)  สีกระจก : ใส , เขียวใส , ชาอ่อน , ชาดำ   
ความหนา : 3 , 4 , 5 , 6 , 8 , 10 , 12 , 16 มิลลิเมตร
ได้มาจากกระบวนการผลิตที่เรียกว่า กระบวนการโฟลต (float process) เป็นกระจกที่มีคุณภาพดีเยี่ยม มีผิวทั้งสองด้านเรียบสนิท เป็นกระจกที่มีความโปร่งใส มีคุณภาพสูง ทนทานต่อการขูดขีดเป็นรอยได้ดี ส่วนใหญ่ใช้งานกับประตู หน้าต่างอาคาร ตู้แสดงสินค้า ใช้กับการก่อสร้างที่ต้องการผนังเป็นกระจกขนาดใหญ่

 2.  กระจกชีต (sheet glass)  สีกระจก : สามารถเลือกสีได้หลากหลาย แล้วแต่ชนิดกระจกที่ต้องการ   
ความหนา : 3 , 4 , 5 , 6 , 8 , 10 , 12 , 16 มิลลิเมตร
เป็นกระจกที่มีคุณภาพด้อยกว่ากระจกโฟลตเล็กน้อยเป็นกระจกแผ่นเรียบ ใช้งานกับหน้าต่างของที่อยู่อาศัย อาคาร กรอบรูป ผลิตภัณฑ์กระจกชีตงสามารถแบ่งออกเป็น กระจกใส กระจกสี กระจกฝ้า (เป็นกระจกชีตที่นำมาขัดฝ้าที่ผิวใช้เป็นฝากั้นห้องหรือประตู) และกระจกดอกลวดลายที่มีลวดลายพิมพ์ลงด้านหนึ่งด้านใดของกระจก  สามารถมองผ่านได้สลัว ๆ มีคุณสมบัติกึ่งทึบกึ่งใส  เหมาะกับงานตกแต่งภายใน เช่น โคมไฟ บานประตู หน้าต่าง และภายนอกอาคาร นอกจากนั้นการนำกระจกโฟลตและกระจกชีตมาแปรรูป เพื่อประโยชน์ใช้สอยตามคุณสมบัติและลักษณะงานที่แตกต่างกันได้แก่
1.  กระจกเงา (mirror glass)
2.  กระจกสะท้อนแสง (heat reflection glass)
3.  กระจกนิรภัยเทมเปอร์ (architectural flat tempered safety glass)
(ในที่นี้ขอพูดเท่านี้ครับ ที่เราเห็นหรือเจอกันบ่อยๆครับ)






อะคริลิก
ความหนาตั้งแต่ 1.0 มิล – 30 มิล  มีหลายสี
ขนาดมาตรฐานของ แผ่นพลาสติกอะครีลิก (กว้าง x ยาว)
123 cm x 184 cm (4x6ฟุต) ,
123 cm x 245 cm (4x8ฟุต) ,
130 cm x 310 cm (4x10ฟุต)

อะคริลิกพลาสติกหรือโพลิเมทิลเมทาไครเลตเป็นเทอร์โมพลาสติกชนิดหนึ่ง มีชื่อทางการค้าหลายชื่อด้วยกัน เช่น Plexiglas, Lucite, Perspex เป็นต้น
พลาสติกชนิดนี้ถูกนำมาประยุกต์ใช้ในงานหลายอย่าง เช่น กระจกใสบนเครื่องบิน ป้ายโฆษณา กระจกตู้ปลา วัสดุทางการแพทย์ งานประดิษฐ์และตกแต่งต่างๆ เป็นต้น เนื่องจากวัสดุมีคุณสมบัติที่โดดเด่น   ในเรื่องความเหนียว (toughness) ความโปร่งใส (transparent) สามารถขึ้นรูปได้ง่าย และเมื่อผนวกกับการมีความหนาแน่นต่ำซึ่งเป็นสมบัติประจำตัวของวัสดุประเภทพลาสติกแล้ว   อะคริลิกพลาสติกจึงเป็นวัสดุชนิดหนึ่งที่นิยมนำมาใช้แทนแก้วในงานหลายอย่าง