IDEAS DESIGN SHOP

แนวทางการออกแบบสปา (Ideas Spa shop design)
 บทความจาก บริษัทนีโอ เฮ้ลตี้ โฮม :www.neohealthyhome.com


ส่วนประกอบในส่วนของธุรกิจสปา
- เคาน์เตอร์หน้าร้าน รวมถึง พื้นที่รับรองแขก
- ตู้เก็บของ, เสื้อผ้าของลูกค้าทั้ง ชายและหญิง
- ห้อง Treatment แบบแห้ง
- ห้อง Treatment แบบเปียก
- ห้องนวด
- ห้องอาบน้ำและอ่างอาบน้ำแบบ Treatment
- ห้องนั่งรอ, พักผ่อน


รวมถึง อาจจะมี:
- ห้องพักผ่อนส่วนตัว หรือ พื้นที่สำหรับทำสมาธิ
- ห้องออกกำลังกาย
- ห้องเรียนการเคลื่อนไหว หรือ เต้น
- สระว่ายน้ำ
- ห้องสำนักงาน
- ห้องพักของพนักงาน
- ห้องซักรีด
- ห้องเก็บของ
- ร้านกาแฟหรือมุมเครื่องดื่ม
- ร้านทำผม
- ฯลฯ

ข้อมูลโดยรวมของการออกแบบสปา

- ต้องมีการป้ายบอกทางที่เห็นได้ชัด สำหรับการระบายการแออัดระหว่างทางเดิน
- ในทุกๆ พื้นที่ทำ Treatment ควรจะติดตั้งแผ่นกันเสียง

Materials
- ในพื้นที่ที่มีความชื้นสูง ไม่ควรใช้วัสดุที่เกิดการผุกร่อนได้ ควรจะใช้วัสดุที่ทนทานต่อความชื้น

Locker / Changing / Vanity Area
- ต้องมีการจัดเตรียมตู้เก็บของสำหรับลูกค้าไว้ทั้งสองด้านทางเดิน
- จัดเตรียมเครื่องจำหน่าย สบู่ – ยาสระผม ไว้ในห้องอาบน้ำ
- จัดเตรียมไฟสำหรับแต่งหน้ารอบๆ กระจกไว้ในห้องน้ำหญิง
- จัดเตรียมกระจกที่มีเลนส์ขยาย ไว้สำหรับโกนหนวด ในห้องน้ำชาย
- จัดเตรียมเครื่องเป่าผมไว้ในห้องน้ำทั้งชายและหญิง
- พื้นในบริเวณล๊อคเกอร์และห้องเปลี่ยนเสื้อผ้า ควรจะปูด้วยพรม และในส่วนอื่นๆ ปูด้วยกระเบื้อง

Locker Room Wet Area
- ติดตั้งที่แขวนเสื้อผ้าตลอดทั้งพื้นที่
- จัดเตรียมที่นั่งที่ทนต่อน้ำไว้ในพื้นที่เปียก
- ส่วนของพื้น ควรจะปูด้วยวัสดุที่ไม่ลื่นและสามารถทำความสะอาดได้ง่าย
- จัดเตรียมส่วนบริการน้ำดื่มพร้อมด้วยอ่างล้างมือ, เคาร์เตอร์, ตู้เก็บของ, ตู้เย็นขนาดเล็ก, เครื่องทำน้ำแข็ง
- จัดเตรียมตู้สำหรับเก็บผ้าสะอาด

การออกแบบส่วนเสริมสวยในสปา

- ธุรกิจความสวยความงาม อย่างเช่น ทำเล็บ, ทำผม, แต่งหน้า สามารถนำมารวมกับสปาได้ โดยอาจจะแยกส่วนเสริมสวยออกไป ในส่วนของพื้นในห้องเสริมสวยควรเป็นวัสดุที่สามารถทำความสะอาดได้ง่าย อย่างเช่น พื้นกระเบื้อง เป็นต้น
- อาจจะเพิ่มเคาร์เตอร์อีกหนึ่งตัวไว้ในร้านเสริมสวยซึ่งอาจจะทำหน้าที่เป็น จุดชำระเงินย่อยๆได้ และทางที่ดีนั้น ควรให้ทางเข้าของร้านเสริมสวย อยู่ใกล้กับส่วนของตู้เก็บของของผู้หญิง เพื่อให้ลูกค้าสามารถเดินตรงเข้าร้านได้อย่างสะดวก

การออกแบบสำหรับห้องทำ Treatment หน้า

Design Considerations
- ในส่วนสำหรับเก็บผ้าที่ใช้แล้ว ควรจะเป็นรถเข็น วางไว้นอกห้องทำ Treatment
- ควรจะมีแผ่นกันเสียงกั้นไว้ระหว่างห้องและทางเดินอีกด้วย

Space Requirements
- ขนาด 80-100 sq. ft. 8 x 10 หรือ 10 x 10 ฟุต ควรมีพื้นที่ว่างพอสำหรับเปิด-ปิดประตูอย่างสะดวกด้วย

Location & Access
- ควรตั้งอยู่ในบริเวณที่ทำบำบัดแบบแห้ง หรือ ในส่วนเสริมสวย ในส่วนที่ให้ลูกค้านั่งรอ ควรอยู่ใกล้การห้องที่ทำ Treatment จะสามารถช่วยลดการแออัดของผู้คนได้
- อ่างล้างหน้า-มือ ควรติดตั้งอยู่หลังส่วนห้องรับรองแขก (ควรจะมีทั้งน้ำร้อน-เย็น)

Flooring
- ในส่วนของพื้น จะต้องไม่มีรู ที่น้ำหรือเศษฝุ่นตกลงไปได้ พื้นผิวของพื้นจะต้องเรียบ และสามารถทำความสะอาดได้

Walls, Ceilings, and Doors
- ผนังและเพดานควรติดวอลล์เปเปอร์หรือทาสี
- ประตูต้องมีความแข็งแรง และมีเลขหรือตัวอักษรที่บ่งบอกว่าเป็นห้องไหน และควรจะมีการใช้ ป้าย “in use” อีกด้วย

Lighting
- การติดตั้งไฟ ควรจะเป็นไฟแบบไม่ส่องตรงลงมา อาจจะใช้หลักในการสะท้อน และใช้เป็นแบบที่สามารถเลือกความสว่างได้
(TIP: จัดไฟแยกสำหรับห้อง waxing ซึ่งจะเป็นไฟที่ส่องตรง และสว่างกว่าห้องอื่นๆ)

Sound system
- ใช้ระบบเดียวกับห้องนวด คือการติดตั้งลำโพงไว้กึ่งกลางของห้อง (ในแต่ละห้องอาจจะต้องการส่วนควบคุมเสียงแยก)

Storage
- ต้องมีตู้เก็บของสำหรับสินค้าของผู้เชี่ยวชาญพร้อมล๊อค และลิ้นชัก สำหรับเก็บอุปกรณ์ชิ้นเล็ก



การออกแบบสำหรับห้องนวด

Design Considerations
- ในห้องนวด ควรจะมีอ่างล้างหน้า-มือ เล็กๆ และตู้เก็บผ้าต่างๆ
- ห้องนวดจะต้องไม่มีเสียงข้างนอกรบกวนได้
- สำหรับลูกบิดประตู จะต้องจับ-เปิดง่ายเพราะมือของผู้ให้บริการมักจะมีน้ำมัน อาจจะทำให้เกิดการลื่นได้ง่าย

Space Requirements
- ปกติจะมีขนาด 120-140 sq. ft. ผู้ให้บริการนวด ต้องการพื้นที่ว่างอย่างน้อย 3 ฟุต รอบๆ เตียงนวด

Location & Access
- ควรตั้งอยู่ในบริเวณที่ทำบำบัดแบบแห้ง และควรจะมีที่สำหรับทิ้งผ้าที่ใช้แล้วด้วย

Flooring
- ในส่วนของพื้นจะต้องมีผิวเรียบและให้ความรู้สึกผ่อนคลาย หลีกเลี่ยงการใช้หินอ่อนหรือแกรนิต

Walls, Ceilings, and Doors
- ผนังและเพดานอาจจะติดวอลล์เปเปอร์หรือทาสี ที่สามารถจะทำความสะอาดได้
- ประตูต้องมีความแข็งแรง และมีเลขหรือตัวอักษรที่บ่งบอกว่าเป็นห้องไหน และควรจะมีการใช้ ป้าย “in use” อีกด้วย

Lighting
- การติดตั้งไฟ ควรจะเป็นไฟแบบไม่ส่องตรงลงมา อาจจะใช้หลักในการสะท้อน และใช้เป็นแบบที่สามารถเลือกความสว่างได้
- หน้าต่างอาจจะใช้ม่านแบบ roman blinds

Sound system
- ใช้ระบบเดียวกับห้องนวด คือการติดตั้งลำโพงไว้กึ่งกลางของห้อง (ในแต่ละห้องอาจจะต้องการส่วนควบคุมเสียงแยก)

Storage
- ถ้าห้องมีพื้นที่พอสมควร อาจจะมีโต๊ะและตู้ในลักษณะ built-in สำหรับเก็บผ้าต่างๆ น้ำมันสำหรับนวด ฯลฯ
- ถ้าห้องนวดมีขนาดเล็กเกินไปที่จะจัดวางชั้นเก็บของได้ เราอาจจะติดตั้งตู้เก็บของไว้ด้านนอก
 



หลักการออกแบบร้านค้า   (IDEAS DESIGN SHOP)

ในบทที่แล้วผมพูดถึงในเรื่องของ style การตกแต่งห้องและลักษณะเฉพาะต่างๆสำหรับบ้านพักอาศัยทั่วไป..แต่สำหรับในบทนี้ผมจะพูดถึงแนวการออกแบบร้านค้าที่ดีเพื่อให้บรรลุเป้าและจุดประสงค์ที่ตั้งไว้กันนะครับซึ่งผมคิดการออกแบบว่าน่าจะครอบคลุมกับ ร้านค้า SHOP เคาร์เตอร์ แผงลอย เปิดท้าย ก็น่าจะใช้หลักหรือแนวทางนี้ได้หรืออาจจะดึงมาใช้เป็นบางข้อก็แล้วแต่เห็นสมควร.สำหรับหลักการหรือแนวทางที่เราควรคำนึงถึงในการออกแบบร้านค้าทั่วไปนั้นผมแบ่งออกเป็น 6ข้อหลักๆดังนี้ครับคือ.


1 การออกแบบร้านต้องมีรูปแบบที่สอดคล้องกับสินค้าหรือการให้บริการ
ผมคิดว่าเพื่อนคงเคยเห็นร้านค้าที่ขายของ..แต่การตกแต่งร้านนั้นไม่ได้ช่วยส่งเสริมสินค้านั้นเลย..คังนั้นในการออกแบบเราควรคำนึงถึงจุดนี้ด้วยเพื่อความสอดคล้องและช่วยส่งเสริมสินค้าหรืออำนวยการใช้หรือให้บริการให้มากที่สุด

2 การออกแบบต้องคำนึงถึงการให้สอย Funtion
ในที่นี้ก็หมายถึงพื้นที่การใช้สอยของผู้ที่ใช้งาน (ผู้ใช้งาน user หรือลูกค้าที่เข้ามาใช้งา) โดยจะคำนึงถึงสัดส่วน ระยะต่างๆ มุมมอง การหยิบ การก้มเงย ขนาดของ furniture และ human dimentionหรือสัดส่วนมนุษย์ เพื่อให้มีผลต่อการใช้งานได้มากที่สุด

3 การออกแบบที่ดีต้องมีความงาม
การออกแบบที่มีความสวยงามนั้นย่อมทำให้ร้านนั้นดูดี ดึงดูดสายตาและก่อให้เกิดความประทับใจ..ซึ่งหลักก็คือการใช้ทษฎีศิลปะในการเข้ามาช่วย ไม่ว่าจะเป็นเส้นสาย รูปร่างรูปทรง สี วัสดุตกแต่ง แล้วนำมาจัดองค์ประกอบให้เกิดความสวยงามและใส่เทคนิคเฉพาะของนักออกแบบของแต่ละคนลงไปแต่ทั้งนี้ทั้งนั้นควรอยู่บนความพอดีไม่มากเกินหรือน้อยเกินไป

4 การออกแบบช่วยแก้ไขปัญหาของสภาพพื้นที่
ปัญหาส่วนใหญ่ก็คือ พื้นที่ไม่เป็นรูปทรงเรขาคณิต เรื่องของงานระบบต่างๆ พื้นที่ให้สอยที่มีขนาดเล็กแต่ความต้องการจริงๆมีมากกว่านั้น งานฝ้าเพดาน ความทึบตันต่างๆ เสาที่เกะกะ ทั้งนี้และทั้งนั้นปัญหาเหล่านี้จะคลี่คลายได้ถ้าได้นักออกแบบที่มีประสบกาณ์สูงมาทำการออกแบบจัดวาง LAY OUT และคำนึงถึงการใช้พื้นที่ให้มีประโยชน์สูงสุด

5 การออกแบบทำให้เกิดเอกลักษณ์เฉพาะตัวและ style ที่ชัดเจน
การออกแบบร้านที่ดีควรคิดให้จบทุกอย่งก่อนเช่น ชื่อร้าน โลโก้ สินค้า การบริการ ชุดฟอร์ม หีบห่อ วัสดุตกแต่งภายในทั้งหมด เพื่อให้สอดคล้องและสัมพันธ์กันทั้งร้าน.ซึ่งถ้าทำทุกอย่างได้ก็สามารถสร้างเอกลักษณ์เฉพาะของร้านขึ้นมาได้อย่างไม่ยาก.แต่ก็มีตัวแปรบางอย่างที่ำทำให้เกิดเอกลักษณ์เฉพาะตัวขึ้นมาได้เช่น
5.1 การได้รับแรงบรรดาลจากธรรมชาติเช่น ทุ่งหญ้า ภูเขา ทะเล ยกตัวอย่างร้านขายเครื่องหอม ร้านสปา ร้านอาหารริมทะเลเป็นต้น
5.2 ที่ตั้งที่อยู่ในเมืองเก่าโซนอนุรักษณ์วัฒนธรรมตัวอาคารหรืออาคารชุมชนเมืองย่านธุรกิจที่ทันสมัยซึ่งจะมีเอกลักษณ์ที่ชัดเจน
5.3 ความเป็นตัวตนที่ชัดเจนของเจ้าของร้านในเรื่องของสไตล์การแต่งตัว ความชอบเรื่องใดเรื่องหนึ่งแลัวแปรเปลี่ยนเป็นมาเป็นสไตล์การตกแต่งร้านที่เป็นตัวตนของตัวเองแบบเฉพาะไม่เหมือนใคร
5.4 การได้รับอิทธิพลมาจาก Style เช่น classic style/thai style/modern style/art decor style

6 การออกแบบช่วยในเรื่องการควบคุมงบประมาณ
ก็คงจะหนีไม่พ้นเกี่ยวกับงานเอกสาร งานแบบ รายการวัสดุ furniture และรายละเอียดต่างๆซึ่งกำหนดเป็นหน่วยออกมาอย่างชัดเจนในลักษณะ BOQ.(BILL OF QUANTITY)ซึ่งก็จะทำให้เราทราบราคาล่วงหน้าได้และสามารถคำนวน/ประเมินค่าใช้จ่ายได้อย่างถูกต้องตามกำลังทรัพย์ครับ
ที่นี้พอจะเห็นภาพแล้วใช้มั้ยครับถึงแนวทางการออกแบบร้านก็ถือซะว่า6ข้อนี้เป็นหลักกูก็แล้วกันนะครับ.(ไม่ใช้หลักการ)ก็หวังว่าคงพอมีประโยชน์กับบ้างไม่มากก็น้อยนะครับ...


ข้อคิดหรือแนวคิดในการออกแบบร้านสะดวกซื้อ (Convenience store)


ข้อคิดหรือแนวคิดในการออกแบบร้านสะดวกซื้อ (โชวห่วยไง)
หลายคนคงจำภาพได้นะครับสมัยเป็นเด็กกับร้านสะดวกซื้อประเภทนี้คือ ดูรกๆหน่อย.ข้าวของสินค้าแขวนห้อยไปมาอยู่หน้าร้าน+มีอาแป๊ะถือพัดอยู่หน้าร้านด้วยนะพูดเสียงดังๆตะโกนถามราคากันกับคนในร้านว่าจะขายเท่าไรประมาณว่าจำราคาไม่ได้วันนี้ขาย 5บาทพรุ่งนี้มาซื้ออีกทีขาย 6บาท.อะไรประมาณนั้น ผมจำได้แม่นครับ.แต่พอในยุคปัจจุบันร้านค้าเหล่านี้ก็เริ่มหายไปในสังคมคนเมืองเพราะโดนร้านสะดวกซื้อสมัยใหม่ที่มีอยู่ทุกหัวถนนและเงินลงทุนที่สูงกว่ามาพร้อมกับความพร้อมและบริการที่ดีกว่าอีกทั้งยังเปิด24ชม.อีกตั่งหาก ทีนี้พวกร้านโชวห่วยที่รอดอยู่ได้ก็ต้องปรับตัวอะครับเพื่อให้อยู่รอดกับการแข่งขันของตลาดขนาดใหญ่เราอาาจจะสู้ในเรื่องเงินทุนไม่ได้แต่เราสามารถสู้ในเรื่องความผูกผันที่ยาวนานกับคนหรือลูกค้าในพื้นที่นั้นแต่เราก็ต้องปรับภาพลักษณ์ การบริการ คุณภาพของสินค้า และเอกลักษณ์ที่โดดเด่นคู่กับร้านโชว์ห่วยที่ผมประทับใจนะ คือการ เชื่อสินค้ากัน (การใช้เครดิตแบบบ้านๆประมาณว่าสินเดือนแล้วมาจ่าย) การตักตวงแบ่งขายถ้ายังทำได้ผมก็ว่าโออยู่นะครับ ซึ่งร้านสะดวกซื้อสมัยใหม่ไม่มีแบบนี้ ..ว่าแล้วเรามาดูเรื่องการปรับปรุงภาพลักษณ์กันเลยดีกว่าครับ




1 การปรับปรุงภาพลักษณ์ภายนอก
อย่างแรกที่ต้องหาให้เจอคือเอกลักษณ์เฉพาะของร้านตัวเองแล้วสื่อออกมาให้เห็นอาจจะเป็นโลโก้รูปแบบสไตล์การตกแต่งร้าน แต่ต้องไม่รกสายตา สะอาดไม่แขวนหรือห้อยสินค้าละเกะละกะดูโปร่งโล่งมองเห็นสินค้าที่อยู่ภายในร้าน..ในเรื่องของตัวอาคารใช้สีสันสดใสเพื่อให้ดูโดดเด่นหรือโทนสีสว่างสะอาดเพื่อให้ดูโปร่งโล่ง หน้าร้านมีป้ายชื่อร้านค้าที่ชัดเจนมีแสงสว่างเพื่อนำสายตาในตอนกลางคืนหรือเพิ่มลูกเล่นเช่นป้ายไฟบอก PROMOTION ราคาของสินค้าในร้าน ชื่อร้านเพื่อเรียกร้องความสนใจลูกค้า





2 การปรับปรุงภาพลักษณ์ภายใน

2.1 การวางเฟอร์นิเจอร์ ชั้นวางสินค้า ตู้แช่ต่างๆ ต้องอยู่ในตำแหน่งที่เหมาะสมไม่บดบังสินค้าด้านในไม่วางขวางทางเดิน มีระยะห่างช่องทางเดินที่เหมาะสม ระยะการหยิบจับสินค้าเหมาะสมไม่สูงเกินไป และถ้าเป็นไปได้ควรมีจุด clearace sale หรือ promotion สำหรับระบายสินค้าเก่า/สินค้าถููกหรือสำหรับทำยอดขายถ้าทำได้นะครับ..การวางสินค้าให้เป็นหมวดหมู่ แยกกลุ่มสินค้าของกินของใช้ และสารเคมีต่างๆออกจากกันอย่างชัดเจนติดป้ายราคาที่ตัวสินค้าและในเรื่องของความสะอาดเรื่องฝุ่นควรทำควาสะอาดสินค้าหรือปัดฝุ่นบ่อยๆ
2.2 แสงไฟ ควรมีแสงสว่างทั่วถึงทั้งร้านไม่ให้ดูทึบ,มืด และใช้แสงเน้นสินค้าเป็นบางจุดอย่างเช่นจุด โปรโมชั่น จะทำให้ร้านดูมีมิติ ดูมีอะไรขึ้นมาไม่น่าเบื่อ
2.3 สี สีภายในร้านควรเป็นสีสว่างเพื่อให้ดูโปร่งและกว้างทำความสะอาดได้หรือจะใช้วัสดุกระจกเงามากรุผนังด้านใดด้านหนึ่งเพิ่มลูกเล่นเพื่อให้ร้านดูกว้างก็ได้

3 การบริการ การบริการที่เป็นกันเองเป็นมิตรพูดจาดี แต่งกายสุภาพ ก็อย่างที่บอกแหละครับ.เอกลักษณ์ที่โดดเด่นที่คู่กับร้านโชว์ห่วยที่ผมประทับใจนะ คือการ เชื่อสินค้ากัน (การใช้เครดิตแบบบ้านๆประมาณว่าสินเดือนแล้วมาจ่าย) การตักตวงแบ่งขาย การส่งสินค้าให้ถึงบ้านเช่น การส่งน้ำดื่มถังใหญ่ ข้าวสาร ฯลฯ ถ้ายังทำได้ผมก็ว่ายังโออยู่นะครับ ซึ่งร้านสะดวกซื้อสมัยใหม่ไม่มีแบบนี้..ผมคิดว่ามันเป็นเสน่ห์อย่างหนึ่งของร้านโชวห่วยครับ

จิตวิทยาในการเลือกซื้อสินค้า ประกอบด้วย

A ( ATTENTION) = สังเกตุ
I (INTEREST) = สนใจ
D (DESIRE) = อยากได้
C (CONVICTION) = ความเชื่ิอ
A (ACTION) = เลือกซื้อ



ข้อคิดในการออกแบบร้านกาแฟ  (IDEAS COFFEE  SHOP DESIGN)


 cofee 1

เดี๋ยวนี้การดื่มกาแฟของคนไทยเป็นที่นิยมเป็นอย่างมากมีเกือบทุกที่เลยก็ว่าได้ ไม่ว่าจะเป็นรถเข็นขาย  เป็นเคาร์เตอร์ เป็นshopตามห้าง ตามปั๊ม เยอะครับซึ่งแสดงให้เห็นถึงความนิยมดื่มกาแฟของคนไทยครับ แต่การออกแบบร้านที่ดีต้องมีหลักคิดครับเพื่อให้ลูกค้าได้อรรถรสในการดื่มกาแฟมากยิ่งขึ้น
1 ความเป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของร้าน
ในปัจจุบันร้านกาแฟมีมากการแข่งขันค่อนข้างสูงเราจึงจำเป็นต้องสร้างเอกลักษณ์เฉพาะขึ้นมาเพื่อสร้างความแตกต่างจากร้านอื่นเช่น โชว์การชงกาแฟ การทำ MOCK UP รูปแก้วกาแฟขนาดใหญ่ตรงเคาร์เตอร์
แต่ทั้งนี้ก็ขึ้นอยู่กับความต้องการของเจ้าของร้านครับว่าจะให้ร้านเค้าออกมาstyleไหนไม่ว่าจะเป็น โลโก้ จานชามถ้วยช้อน โทนสี  เฟอร์นิเจอร์ สไตล์การตกแต่งร้าน คอนเซ็ปต์ของร้าน ฯลฯ สรุปคือต้องหาจุดขายของร้าน,ลูกเล่น,จุดเด่นของร้าน เพื่อนำเสนอลูกค้าให้ได้และให้เป็นเอกลักษณ์เฉพาะตัวของร้าน.
2 เฟอร์นิเจอร์และบรรยากาศการตกแต่งร้าน
โดยทั่วไปแล้วนั้นการเลือกเฟอร์ฯจะต้องสอดคล้องกับ สไตล์ของร้าน เช่น modern style, contem,country style แต่การจัดวางเฟอร์นิเจอร์นั้นควรรองรับลูกค้าในหลายๆรูปแบบเช่นว่า ลูกค้าบางคนอยากมานั่งทำงาน,เป็นจุดนัดพบ,เจรราจาต่อรองกันหรือมุมนั่งสบายๆ ดังนั้นการจัดวางเฟอร์นิเจอร์ต้องปรับเปลี่ยนได้ เพื่อรองรับจุดนี้ด้วย ส่วนบรรยากาศในร้านก็น่าจะประมาณดูอบอุ่น,ขรึมๆ,ดูเป็นธรรมชาติ ซึ่งก็แล้วแต่คอนเซ็ปต์ของทางร้าน
3 วัสดุตกแต่ง สี แสงไฟ ป้ายต่างๆ
ส่วนใหญ่ก็จะเป็นงานโครงไม้หรือเหล็กที่เกี่ยวกับโครงสร้างต่างๆแล้วปิดทับด้วยลามิเนต ผสมงานไม้จริง
การย้อมสีโทนน้ำตาลเข้ม สีพ่น การเพ้นท์สี การติดอิงค์เจ็ท หรืองานกระจกเป็นบางส่วน ซึ่งก็อยู่กับลูกเล่นของแต่ละร้านที่จำนำเสนอครับ เช่น โชว์เมล็ดกาแฟที่หน้าร้านหรือที่เคาร์เตอร์ ป้ายบอกแหล่งที่มาของเมล็ดพันธุื์์์ต่างๆ  ป้ายไฟบอกเมนู ข้อความต่างๆ และการใช้แสงไฟเน้นมิติภายในร้านไม่ให้แบนเกินไป

2 ความคิดเห็น:

  1. ไม่ระบุชื่อ9 ธันวาคม 2553 เวลา 19:32

    เป็นข้อมูลที่ดีมากกกกกก ทำต่อไปนะ

    ตอบลบ
  2. ขอบคุณสำหรับข้อมูลดีดีค่ะ

    ฝากลิงค์ร้านกาแฟด้วยนะคะ

    http://www.facebook.com/byChacha

    ตอบลบ