วันนี้ลองมาดูวิธีการห่อกระดาษห่อของขวัญกันนะครับ.ในรูปแบบที่เก๋ๆ เพื่อส่งมอบให้กันในช่วงปีใหม่นี้ซึ่งผมเองได้ข้อมูลมากจากเวปนี้ครับ http://www.ouad.com/present-index.htm ซึ่งมีข้อมูลที่เป็นประโยชน์มากกับพวกที่ชอบหรือสนใจการประดิษฐ์แบบ DIY เข้าไปดูแบบเต็มได้เลยนะครับ.ยังมีอีกเยอะโอเค.เรามาเริ่มกันเลยดีกว่า....
วัสดุที่ใช้ หลักๆก็เป็นกระดาษที่ใช้ห่อ
งานนี้ผมใช้กระดาษอาร์ตสีสองหน้า ซึ่งหนาหน่อยราคาก็แผ่นละ 4 บาท
เลือกสีตามใจชอบนะครับ และก็มี เชือฟั่นสีทอง
ลูกกระพรวน,หญ้าลาเฟีย,ยอดยูคาลิปตัสแห้ง
ถ้าไม่มีก็ใช้ดอกไม้แห้งแทนก็ได้
เริ่มที่เตรียมกระดาษห่อ โดยการพับย้อนกลับไป-มาตามแนวกว้างของกระดาษ
ติดเทปใสด้านหลัง เพื่อตรึงกระดาษไว้ครับ
วางกล่องด้านหลังกระดาษ เลือกแนวเฉียงของกระดาษตามที่เราพับไว้ แล้วก็ใช้ดินสอขีดเส้นตามขอบกล่องไว้เพื่อเป็นแนวที่เราจะพับครับ ...ส่วนที่กระดาษพับเป็นชั้นๆกระดาษจะหนาพับยาก จึงต้องใช้สันมีดคัตเตอร์กรีดให้เป็นรอยพับก่อนครับ กรีดตามรอยดินสอที่เราขีดไว้
เริ่มห่อกล่องทีละด้าน วางกล่องให้พอดีกับเส้นที่ร่างไว้ และระวังอย่าให้เลื่อนไปมา ตัดเศษชายกระดาษทั้งส่วนหัวและท้ายออกเพื่อเวลาพับจะได้ไม่ทับกันซึ่งจะดูหนาจนเสียรูปไป ระวังอย่าตัดสั้นจนเกินไปครับ
พอขอบทั้งสองด้านตรงพอดีกับมุมกล่องแล้ว ก็กรีดสันให้คมอย่าลืม พับตามความหนาของกล่องด้วย อย่างรูปครับ เมื่อทำอีกด้านเสร็จเรียบร้อยแล้ว พลิกกลับมาด้านหน้ากล่องบีปสันกล่องให้คม พร้อมที่จะตกแต่งต่อไป ผมเลือกใช้เชือกสีทองมัดสองทบ ตลอดทั้งสองแนวของกล่องแล้วมัดให้แน่น อย่างรูปครับ
หญ้าลาเฟียม้วนเป็นกระจุกแล้วก็มัดติดกับเชือครับใช้ยอดยูคาลิปตัสแห้งมัดติด ทับด้านบน
ยอด ยูคาลิปตัส ถ้าคนที่ไม่รู้จักก็คือ กิ่งยูคาที่ใช้จัดเข้าช่อดอกไม้สดนั้นแหละครับ ปล่อยไว้ให้แห้งสีจะยังสดและก็มีกลิ่นยูคาฯอ่อนๆด้วยครับถ้าไม่มีก็เปลี่ยนเป็นดอกไม้แห้งก็ได้ครับ ใช้ลูกกระพรวนเล็กๆ สีทองจะได้เข้ากับเชือกสังสองอัน ดูให้พอดีนะครับให้ลูกกระพรวนปังรูของการ์ด จัดทรงให้สวยตามใจเราครับ เท่านี้ก็เสร็จแล้วครับ
หมายเหตุ ยังมีการห่อของกล่องขวัญอีกหลายแบบนะครับ.เข้าไปดูแบบเต็มที่เวปนี้ http://www.ouad.com/present-index.htm เลยครับ
เพิ่มลูกเล่นตกแต่งร้านรับคริสต์มาสและปีใหม่กัน
ที่นี้เราลองมาทำ PROP จัดร้านเล็กๆน้อยๆเพื่อสื่อถึงเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่กัน ซึ่งก็จะเป็นเส้นสายห้อยลงมาตามรูป (ในรูปผมทำเส้นเดียวครับเพื่อเป็นตัวอย่างกัน)..ซึ่งก็จะไว้ห้อยตามจุดต่างๆของร้านโดยจะห้อยเป็นกลุ่ม กลุ่มละ 3-5เส้น สั้น-ยาว สลับกันไปเพื่อความสวยงามและไม่ทำให้น่าเบื่อ..ทีนี้มาดูอุปกรณ์ครับ
วัสดุ-อุปกรณ์ : บอลวาว , ริบบริ้น , ห่วง , โบว์เล็ก
1. บอลวาวหรือดาวแล้วแต่ Idea ครับ
2. ริบบริ้นขนาดกว้่างซัก1นิ้ว ยาวสัก 1.00-1.20 ม. หรือตามความเหมาะสม ตัดมุมทั้ง2 แล้วคล้องห่วง
3-4. นำบอลวาว3ลูกคละสี คละไซด์ มาคล้องห่วงและติดโบว์
5. เมื่อนำมาประกอบเข้าด้วยกันก็จะได้ตามรูปที่ 5
โดยจะทำแบบนี้ประมาณ 3-5 เส้นสั้น-ยาวสลับกันไปครับ..โดยห้อยเป็นกลุ่มโดยอาจจะห้อยเหนือสินค้าหรือบน Window display ก็แล้วแต่ครับ.เท่านี้ก็รับเทศกาลแล้วครับ...
ฉากไม้ Vintage Style
ฉากมุมไม้สักแกะสลักสวยๆ ที่หาซื้อได้ง่ายมากที่ถนนสายไม้บางโพหรือซอยประชานฤมิตร เอามาทำสีสักหน่อย ขัดเก่าสักนิด ก็เนรมิตชั้นวางของอารมณ์วินเทจแบบเก๋ๆ ได้ในราคาไม่แพงเลยล่ะค่ะ
เตรียมของ
* ฉากไม้ฉลุลาย 1 นิ้ว กว้าง 15 ซม. ยาว 15 ซม. จำนวน 2 ชิ้น หาซื้อหรือสั่งทำได้ที่ ถ.ประชานฤมิตร (บางโพ) ราคาโดยประมาณคู่ละ 500 บาท แล้วแต่ลาย
* ไม้สำหรับทำชั้นขนาดกว้าง 15 ซม. ยาวตามต้องการแต่ไม่ควรเกิน 1.20 เมตร หรือไม้ชั้นสำเร็จตามห้างทั่วไปก็ใช้ได้
* เหล็กรู หาซื้อได้ตามร้านวัสดุก่อสร้างทั่วไป ราคาไม่เกิน 20 บาท 1 อัน
* สีอะครีลิคสีขาวหรือสีอื่นๆ ที่มี, แปรงทาสี, ไขควง, นอตสกรูเกลียวปล่อย, พุกพลาสติก, สว่านไฟฟ้าสำหรับเจาะยึดชิ้นงาน
ลงมือทำ
1.นำ ฉากไม้ฉลุลายมาขัดให้เรียบร้อยก่อน เพราะจะมีพวกเสี้ยนไม้ส่วนเกินอยู่ทำให้ทาสียาก ควรขัดด้วยกระดาษทรายเบอร์ละเอียดจนเนื้อเนียนจึงลงมือทาสีที่ต้องการ ทาซ้ำประมาณ 2 ครั้ง
2.เมื่อสีแห้งสนิทแล้วนำมาทำวิธีขัดเก่า โดยการใช้กระดาษทรายขัดเน้นที่ช่วงสันลายเพื่อโชว์ลายสันที่มีเนื้อไม้ออกมา ขัดออกพอประมาณ หรือหากชอบเก่ามากก็ขัดโชว์เนื้อไม้มากหน่อยค่ะ
3.นำ ฉากมายึดกับตัวชั้นไม้โดยกำหนดระยะห่างจากขอบชั้นไม้ เพื่อความสวยงามและความแข็งแรงในการรองรับน้ำหนักประมาณ 10 ซม.ทั้งด้านซ้ายและขวา ยึดด้วยนอตสกรูเกลียวปล่อย ด้านหลังของฉากไม้ควรรับกับขอบชั้นไม้พอดี ไม่ควรล้นออกไปหรือมีระยะห่างเกินจะทำให้เกิดช่องว่างของจะหล่นได้ง่าย
4.ตัด เหล็กรูแบ่งครึ่งหรือวัดจากตัวฉากไม้ที่มีระยะจากด้านล่างขึ้นบน โดยด้านบนทิ้งรูไว้ 1 รูเพื่อใช้ยึดติดกับผนัง แล้วยึดติดกับตัวฉากไม้บนและล่าง เว้นระยะห่างตามความเหมาะสมของไม้
5.นำ ชั้นไม้มาแขวนติดกับผนังด้วยการใช้สว่านเจาะนำไปก่อน ฝังพุกพลาสติก แล้วใช้นอตขันยึดติดเข้าไประหว่างชั้นแขวนกับผนังก็เป็นอันเสร็จสิ้น ใช้วางของได้ตามความเหมาะสมค่ะ
ที่มา : http://www.home.co.th/
มาจัดแจกันดอกไม้แบบง่ายๆกัน 2
Composition การจัดดอกไม้ก็เหมือนการจัดองค์ประกอบในงานศิลปะที่ต้องจัดวางอย่างเหมาะเจาะลงตัว
การจัดดอกไม้ก็เหมือนการจัดองค์ประกอบในงานศิลปะที่ต้องจัดวางอย่างเหมาะเจาะลงตัว
มาเตรียมของกัน
1. ถาดทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีฐานเตี้ย มั่นคงเพียงพอสำหรับถ่วงน้ำหนักกับช่อดอกไม้ทรงสูงได้
2. แช่โอเอซิสไว้ในน้ำ 1 คืน เพื่อให้อุ้มน้ำเพียงพอ
3. ใช้เทปพันสายไฟยึดโอเอซิสให้ติดกับถาด
มาลงมือกันเลย
1. เลือกดอกไม้ที่สูงชะลูดที่สุดก่อนไว้ตรงกลาง ให้ก้านที่มีดอกตูมอยู่สูงสุด ไล่ดอกแกลดิโอลัส ลึกหลั่นกันมาเป็นจังหวะๆ
2. ปิดฐานบังโอเอซิสด้วยใบใหญ่ๆ อย่างหน้าวัว ใบพิโล ใบปาล์มและใบอื่นๆ
3. เอาดอกไม้เล็กๆ อย่างคาร์เนชั่น มัม และกล้วยไม้ ไล่กลุ่ม ไล่ช่อ ปิดไม่ให้เห็นโอเอซิส
Tips
อย่าหันหน้าดอกหน้าใบให้เรียงหน้ากระดานไปในทางเดียวกันหมด ควรปิดนิด ปิดหน่อย หันซ้าย ขวา ให้ดูแล้วสวยจากทุกทิศ ทุกทาง จัดองค์ประกอบให้้แจกันนั้นงามรอบตัว
มาเตรียมของกัน
1. ถาดทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้าที่มีฐานเตี้ย มั่นคงเพียงพอสำหรับถ่วงน้ำหนักกับช่อดอกไม้ทรงสูงได้
2. แช่โอเอซิสไว้ในน้ำ 1 คืน เพื่อให้อุ้มน้ำเพียงพอ
3. ใช้เทปพันสายไฟยึดโอเอซิสให้ติดกับถาด
มาลงมือกันเลย
1. เลือกดอกไม้ที่สูงชะลูดที่สุดก่อนไว้ตรงกลาง ให้ก้านที่มีดอกตูมอยู่สูงสุด ไล่ดอกแกลดิโอลัส ลึกหลั่นกันมาเป็นจังหวะๆ
2. ปิดฐานบังโอเอซิสด้วยใบใหญ่ๆ อย่างหน้าวัว ใบพิโล ใบปาล์มและใบอื่นๆ
3. เอาดอกไม้เล็กๆ อย่างคาร์เนชั่น มัม และกล้วยไม้ ไล่กลุ่ม ไล่ช่อ ปิดไม่ให้เห็นโอเอซิส
Tips
อย่าหันหน้าดอกหน้าใบให้เรียงหน้ากระดานไปในทางเดียวกันหมด ควรปิดนิด ปิดหน่อย หันซ้าย ขวา ให้ดูแล้วสวยจากทุกทิศ ทุกทาง จัดองค์ประกอบให้้แจกันนั้นงามรอบตัว
ที่มา http://www.home.co.th/
มาจัดแจกันดอกไม้แบบง่ายๆกัน 1
คราวนี้เรามาแนะนำการจัดแจกันดอกไม้แบบง่ายกันครับ. จัดได้ว่าแจกันดอกไม้เป็น PROP แบบหนึ่งเลยก็ว่าได้นะครับสำหรับเอาไว้ตกแต่งในส่วนต่างๆของพื้นที่ที่จัด DISPLAY , SHOP ร้านค้าต่างหรือมุมห้องนั่งเล่น, ห้องนอน ก่อนอื่นเราก็ต้องหาวัสดุอปุกรณ์กันเลยครับว่ามีอะไรบ้างซึ่งโดยส่วนใหญ่ แล้วก็หาซื้อกันได้ที่สวนจัตุจักรมีมากมายหลายร้านครับ. แล้วแต่ชอบโดยหลักๆก็ใช้ของประมาณนี้ครับ
อุปกรณ์
- แจกันแก้ว ฯลฯ
- ดอกไม้ปลอม (เป็นช่อ)
- หินกรวดสีขาวเบอร์ 0 หรือทรายสีขาว (ที่ใส่ในตู้ปลาอะครับ)
- เม็ดพลาสติคอะคิลิคสี
- สายรุ้งฝอย
นำ แจกันแก้วมาใส่หินหรื่อทรายครับหรือจะเเป็นเม็ดอะคิลิคสีใส่ไปสักประมาณความ สูงซักครึ่งแก้วครับ .แต่ต้องทำเบาๆหน่อยนะครับเพราะแจกันแก้วอาจแตกได้ จากนั้นปักช่อดอกไม้ลงไปในแจกันจัดแต่งช่อดอกไม้ให้ได้สัดส่วนให้พอดีกับ แจกัน ถ้าช่อดอกไม้ยาวเกินก็ใช้คีมตัดปลายช่อออกตามความชอบของเราครับ.เท่านี้ก็ เสร็จแล้วครับง่ายมั้ย.. สวยอย่าบอกใครเลย
ตัวอย่างการ sketch ตีปภายในแบบง่ายๆ
สำหรับนักออกแบบอย่างเราๆไม่ว่าจะเป็น Product design, Interrior design, คงหนีไม่พ้นเรื่องของการสเก็ตงานหรือ drwing แบบร่างมาดูก่อนแล้วนำมาเขียนแบบ และทำงานถอด detail จริง..ซึ่ง Vdo ที่ให้ดูนี้เป็นการ drawing งาน Interior ผมดูแล้วง่ายดีครับ น่าจะเหมาะสำหรับผู้ที่สนใจการหัด Drawing ใหม่ๆครับ..ลองดูถึงหลักของเค้าืที่วาดโชว์ให้เราดูคร่าวๆที่ผมมองออกได้มีดังนี้ครับ
1 วางเส้นร่างกำหนดขอบเขตของภาพหรือห้อง
2 กำหนดเส้นระดับสายตา
3 กำหนดจุดนำสายตา
4 วาดลายละเอียดต่างๆลงไปในงาน
5 เก็บลายละเอียดและลงสี (Copic,Yoken)
คิดว่าน่าจะมีประโยชน์กับผู้ที่สนใจนะครับ.ลองเอาไปประยุกค์ใช้กันดู ให้เหมาะสมกับงานก็แล้วกันนะครับ..
Sketch งาน Product design ทำไงอะ ?
เป็นติวเตอร์อีกอันหนึ่งครับที่คิดว่ามีประโยชน์กับผู้ที่สนใจงาน Product Design ที่เขียนด้วยมือพร้อมลงสีด้วยปากกา copic กะ yoken ครับ..ซึ่งเป็นติวเตอร์ของหนังสือเล่มนี้ครับ Sketching รูปด้านบน (ผมไม่มีส่วนได้ส่วนเสียกับหนังสือเล่มนี้นะครับ) ซึ่งได้รวบรวมเทคนิคการเขียนภาพ Perspective การลงสี ทิศทางแสงเงา และเทคนิคต่างๆไว้ครบถ้วนแต่เป็นภาษาอังกฤษนะครับ..โดยส่วนตัวแล้วผมเองยัง อยากได้เลยครับ. แต่พอจะกลับไปซื้อดันหมดซะแล้ว ราคาถ้าจำไม่ผิดประมาณพันกว่าบาทครับ.โอเคเรามาดูกันเลยครับกับติวเตอร์ตัว นี้กันเลยจ้าา..
เท่าที่ผมดูผมยังไม่แน่ใจเลยครับว่าเค้าสเก็ตเครื่องปั่นอะไร.แต่ก็ชั่งมันเถอะครับ..มาดูเทคนิคของเค้ากันเลยดีกว่า
- เริ่มต้นก็สเก็ตเส้นร่างก่อนเลยครับ
- เก็บเส้นร่างด้วยปากกาเส้นหนาหน่อยครับ
- กำหนดทิศทางของแสงพร้อมลงเงาที่วัตถุด้วยสีเทา
- ลงสีจริง(สีน้ำเงิน)ของวัตถุ โดยลงทับที่เงาแล้วเกลี่ยน้ำหนักอ่อน-เข้มโดยเหลือพื้นที่สีขาวไว้ด้วย
- แล้วใช้กระดาษเช็ดชูเกลี่ยไล่น้ำหนักของสีเพื่อให้เกิดความมันของวัตถุ
- เสร็จแล้วก็ไล่เก็บรายละเอียดในส่วนต่างๆ
- สุดท้ายก็เก็บกิ๊ก แสงเงา ในส่วนของรายละเอียดต่างในชิ้นงานเท่านี้ก็เป็นอันจบ..
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น